รับออกแบบตกแต่งภายใน บิ้วอินร้านค้า

ex1 scaled
ft2 1 scaled
ft3 scaled
ft5 scaled
f2 1 scaled
1
3
9

บริการออกแบบตกแต่งภายในร้านค้า โดย Living Inhabit

Living Inhabit ให้บริการออกแบบตกแต่งภายในร้านค้าและงานบิ้วอินแบบครบวงจร ด้วยทีมอินทีเรียร์มืออาชีพที่เข้าใจทั้งดีไซน์ ฟังก์ชัน และ “บรรยากาศที่สะท้อนตัวตนแบรนด์ของคุณ”

เราเริ่มจากการพูดคุยเพื่อเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลักษณะสินค้า และภาพลักษณ์ที่ต้องการ ก่อนวางแผนผังพื้นที่ เลือกโทนวัสดุ และออกแบบภาพ 3D ให้เห็นภาพชัดเจนก่อนเริ่มงานจริง
ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอาง ร้านแฟลกชิพ หรือโชว์รูมเฉพาะ เราพร้อมดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่แนวคิดจนถึงติดตั้งจริงแบบ Turnkey Service

เราออกแบบพื้นที่ให้ ทั้งขายของได้จริง และดูดีในมุมกล้อง เพื่อช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการจดจำแบรนด์

✅ เหมาะกับร้านค้าทุกประเภท ทั้งขนาดเล็ก / แบรนด์ใหญ่
✅ ดูแลงานตั้งแต่ดีไซน์ บิ้วอิน ไปจนถึงควบคุมหน้างานจริง
✅ พร้อมรับประกันงานติดตั้งสูงสุด 1 ปี

ลงทะเบียนประเมินหน้างานฟรี !
f3 1 scaled

พื้นที่การออกแบบตกแต่งที่สำคัญภายในร้านค้า

โซนหน้าร้าน / ฟาซาด | Storefront Zone

หน้าร้านคือพื้นที่แรกที่สะกดสายตาลูกค้าและเป็นจุดตัดสินใจให้เดินเข้าร้านหรือไม่ การออกแบบควรสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างชัดเจน ทั้งรูปทรง ประตู โทนสี โลโก้ และวัสดุที่ใช้ เช่น กระจกใส โครงเหล็ก หิน หรือไม้ เพื่อสร้างความแตกต่างและความน่าจดจำ พร้อมจัดแสงให้โดดเด่นในทั้งกลางวันและกลางคืน

โซนต้อนรับ / แนะนำสินค้า | Welcome & Info Zone

เมื่อเข้าร้านมาแล้ว ลูกค้าควรรู้สึกสบายและเข้าใจว่าร้านนำเสนออะไร การจัดโซนต้อนรับควรเปิดโล่ง เข้าถึงง่าย อาจมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ป้ายแนะนำโปรโมชั่น หรือมุมทดลองเล็ก ๆ เพื่อเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นในร้าน โซนนี้จึงเป็นจุดตั้งต้นของ “ประสบการณ์แบรนด์” ที่ดี

โซนจัดแสดงสินค้า | Product Display Zone

โซนนี้เป็นหัวใจหลักของร้านค้าทุกรูปแบบ การจัดวางควรชัดเจน แยกตามหมวดหมู่หรือไลน์สินค้า เพื่อให้ลูกค้าเลือกชมง่าย การเลือกชั้นวางแบบบิ้วอิน, แร็ค, หรือตู้โชว์แบบเปิด จะช่วยเพิ่มความเป็นระเบียบและความน่าสนใจ รวมถึงจัดแสงเฉพาะจุดเพื่อดึงความโดดเด่นของสินค้า

โซนลองสินค้า / ทดลอง | Fitting / Testing Zone

สำหรับร้านเสื้อผ้า, เครื่องสำอาง หรือสินค้าอุปโภคบางประเภท โซนทดลองหรือห้องลองมีผลต่อการตัดสินใจซื้อโดยตรง ห้องลองที่ออกแบบดีควรมีแสงธรรมชาติหรือไฟที่ให้สีถูกต้อง กระจกคุณภาพสูง และพื้นที่ส่วนตัวที่ลูกค้ารู้สึกมั่นใจ ทั้งยังควรอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายจากโซนแสดงสินค้า

โซนแคชเชียร์ / ชำระเงิน | Cashier & Checkout Zone

จุดชำระเงินควรออกแบบให้เด่น ชัดเจน และใช้งานได้สะดวก การวางตำแหน่งควรใกล้ทางออก และมีพื้นที่ให้ลูกค้าเข้าคิวได้โดยไม่รบกวนโซนอื่น ๆ เคาน์เตอร์แคชเชียร์ควรดีไซน์ให้เข้ากับบรรยากาศร้าน พร้อมจัดแสงและป้ายให้ชัดเจน รวมถึงอาจมีพื้นที่แสดงสินค้าเล็ก ๆ สำหรับการขายเพิ่มเติม (Upsell)

โซนถ่ายรูป / มุม Instagram | Photo Spot

มุมถ่ายรูปเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย การออกแบบมุมนี้ควรมีเอกลักษณ์ เช่น โลโก้ร้าน, กำแพงกราฟิก, หรือเฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางเพื่อการถ่ายภาพโดยเฉพาะ โซนนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความประทับใจ แต่ยังกลายเป็นพื้นที่แชร์ต่อที่สร้างการตลาดแบบปากต่อปากได้ดี

อื่น ๆ | พื้นที่สนับสนุนการใช้งาน

แม้จะไม่ใช่โซนที่ลูกค้าเห็นชัด แต่พื้นที่อย่าง ห้องสต๊อก, โซนจัดเตรียมสินค้า, ห้องพนักงาน, หรือ มุมพักเบรก ก็มีความสำคัญในการจัดการหลังร้านให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การออกแบบที่ดีควรเน้นความสะอาด เข้าถึงง่าย และเชื่อมโยงกับโซนหลักโดยไม่รบกวนลูกค้า เพื่อให้ทั้งหน้าร้านและหลังร้านทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

คู่มือสไตล์ตกแต่งภายในเบื้องต้น สำหรับเจ้าของร้านค้าที่อยากเริ่มต้นอย่างถูกทาง

Modern | Modern Luxury | Modern Classic | Modern Contemporary

Modern
เส้นสายชัดเจน เน้นฟังก์ชัน ใช้วัสดุผิวเรียบและโทนสีโมโนโครม เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความเรียบ เท่ และเป็นสมัย

Modern Luxury
ผสานความหรูหราแบบกลมกล่อมกับความมินิมอล ใช้วัสดุคุณภาพ เช่น หินอ่อน กระจก ทองเหลือง ดีไซน์เน้นความพรีเมียมแต่ไม่เว่อร์

Modern Classic
สไตล์คลาสสิกที่ถูกตีความใหม่ในรูปแบบร่วมสมัย เช่น ผนังบัวประดับกรอบ ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์สีขาว เทา ดำ และไฟซ่อนแสงอุ่น

Modern Contemporary
อิสระมากขึ้นในเส้นสายและองค์ประกอบ ใช้โทนสีธรรมชาติหรือ Earth tone ผสมกับของตกแต่งดีไซน์เฉพาะตัว สื่อถึงความ “ใหม่” แบบไม่จำกัดกรอบ

Luxury | Modern Luxury

Luxury
หรูหราเต็มรูปแบบ ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง สีทอง ทองแดง เบจ ขาวดำ เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินลายหิน ผ้ากำมะหยี่ กระจกเงา และดีไซน์ซับซ้อนเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ “พรีเมียม” ที่แท้จริง

Modern Luxury
(ใช้คำอธิบายร่วมกับหมวด 2 ได้ หรือแตกต่างเพิ่มเติมเล็กน้อยตาม above)

Classic | Modern Classic

Classic
กลิ่นอายความสง่างามของยุโรป เช่น ฝรั่งเศสหรืออังกฤษในยุคก่อน ใช้โทนสีขาว ครีม เทาอ่อน ผสมผนังบัว เฟอร์นิเจอร์ทรงโค้ง และโคมไฟคริสตัล สื่อถึงความเรียบโก้และความสงบที่มีชั้นเชิง

Modern Classic
ลดทอนความจัดจ้านแบบ Classic ดั้งเดิมลง โดยใช้โครงสร้างคลาสสิก ผสมกับวัสดุหรือสีสมัยใหม่ เช่น พื้นไม้เรียบๆ หรือผนังโมโนโครม ทำให้ดู timeless ใช้ได้ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่

Minimal | Muji | Scandinavian

เรียบง่ายแต่มีรายละเอียด เน้นโทนสีอ่อน เช่น ขาว เทา ครีม ใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้หรือผ้าลินิน เพื่อสร้างความผ่อนคลาย สบายตา และดูเป็นระเบียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสงบ เรียบหรูแบบไม่ประดิษฐ์ และชื่นชอบพื้นที่ที่ “หายใจได้”

Loft | Modern Loft

Loft Style เป็นสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นที่โรงงาน โกดัง หรือสตูดิโอในเมืองใหญ่ ที่เน้นโชว์โครงสร้างดิบ ๆ อย่าง “เพดานเปลือย คานเหล็ก ปูนเปลือย อิฐแดง” โดยจงใจไม่ปิดผิววัสดุ ทำให้เกิดความรู้สึกจริงแท้ ดิบ เท่ และมีเอกลักษณ์

Modern Loft คือการนำความดิบของ Loft มาผสมความเนี้ยบของความโมเดิร์น เช่น ผนังปูนเปลือยผสานเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินเรียบหรู พื้นไม้สีเข้มกับโซฟาหนัง หรือการใช้โครงเหล็กสีดำกับแสง warm light ทำให้เกิดอารมณ์ “บ้านในเมืองที่มีสไตล์” เหมาะกับเจ้าของบ้านที่ต้องการความเท่ เนี้ยบ มีคาแรกเตอร์ และไม่ซ้ำใคร

Trendy | Playful | Pop Style

แนวนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในไทยมากนัก แต่สื่อสารได้ว่าเป็นสไตล์ที่เน้น ความสดใส มีสีสัน และสนุกกับการตกแต่ง เราอาจเรียกว่า:

  • Trendy Style

  • Playful Interior

  • Colorful / Fun Living

  • หรือใช้คำว่า “บ้านแนวครีเอทีฟ” ก็ได้

จุดเด่น ของสไตล์นี้คือการใช้ “สี” เพื่อสร้างอารมณ์ เช่น โซฟาชมพู ผนังฟ้า เฟอร์นิเจอร์ทรงสนุก หรือแสงนีออนบางจุด มักเน้นการตกแต่งที่ดู ‘สดใหม่’ ไม่ต้องเป๊ะทุกมุมแต่ “มีพลัง” และสื่อถึงความคิดสร้างสรรค์ เหมาะกับเจ้าของบ้านรุ่นใหม่ที่ชอบสื่อความเป็นตัวเองผ่านพื้นที่

9

ทำไมต้องใช้บริการออกแบบตกแต่งภายในกับเรา ?

i-04_0

1. สำรวจหน้างานฟรี :

เราพร้อมให้คำปรึกษาแนะนำด้านการออกแบบตกแต่งภายใน

i-02_0

2. รับประกันผลงาน :

เรามีบริการหลังการขาย หมดกังวลปัญหาหลังส่งมอบงาน

i-01_0

3. งบไม่บานปลาย : 

เราทำในรูปแบบ Turnkey จึงสามารถควบคุมงบประมาณที่ลูกค้ากำหนดได้

i-05_0

5. มีบริการครบ :

เราให้บริการเกี่ยวกับงานออกแบบตกแต่งภายในครบวงจร

i-03_0

4. ไม่ทิ้งงาน :

เรามีสัญญาว่าจ้างการทำงานทั้งออกแบบภายในและงานรับเหมาก่อสร้าง รวมทุกงานเฟอร์นิเจอร์ทุกรายการ

i-06_0

6. มีวัสดุหลากหลาย : 

เรามีวัสดุให้เลือกหลายเกรด Normal / Standard / Premium ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่ลูกค้าตั้งไว้

เริ่มต้นโปรเจกต์ของคุณกับทีมมืออาชีพ ที่พร้อมออกแบบ และ สร้างสรรค์

รับประกันผลงานนาน 1 ปี กับ Living Inhabit

ตัวอย่างผลงาน

Project H

ออกแบบตกแต่งภายในยิมมวยสมัยใหม่ด้วยแนวคิด Futuristic ที่เน้นเส้นสายเฉียบคมและพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ทั้งการฝึกซ้อมจริงและการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ ภายในจัดแสงและโทนสีให้ดูพลังงานสูงแต่ไม่อึดอัดเช่น โซนฝึกซ้อม โซนพัก และพื้นที่โชว์เคสแบรนด์ 

view project

Warehouse 121

ออกแบบพื้นที่สำหรับยิมมวยและฟิตเนสขนาดใหญ่ สไตล์ Modern Industrial ที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงและทันสมัย โดดเด่นด้วยซุ้มโค้งและผนังปูนเปลือย ผสานงานออกแบบให้กลายเป็นทั้งพื้นที่ฝึกซ้อม พื้นที่ออกกำลังกาย และโซนค้าปลีกในที่เดียว เป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับผู้มาใช้บริการ

view project

คำถามที่พบบ่อย ?

01 การตกแต่งภายใน (Interior Design) คืออะไร ?

การตกแต่งภายในคือการออกแบบพื้นที่ภายในอาคาร เพื่อให้เกิดความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วน และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย โดยอาจรวมถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์, การเลือกวัสดุ, สี, แสงสว่าง และองค์ประกอบต่าง ๆ ในพื้นที่

02 บริษัทเราให้บริการอะไรบ้าง ?

เราให้บริการออกแบบตกแต่งภายใน และรับเหมาก่อสร้างภายใน สำหรับบ้าน คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร คาเฟ่ โชว์รูม ออฟฟิศ และโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ แบบครบวงจร ตั้งแต่แนวคิด การออกแบบ ไปจนถึงการก่อสร้างและส่งมอบงาน

03 สามารถขอคำปรึกษาก่อนได้ไหม ?

ได้เลย! เรามีบริการให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อประเมินความต้องการของลูกค้าและแนวทางการดำเนินงานเบื้องต้น

04 ขั้นตอนการทำงานของบริษัทเป็นอย่างไร ?

โดยทั่วไปประกอบด้วย:

  1. นัดหมายและพูดคุยความต้องการ

  2. นำเสนอแนวคิดและแบบร่าง (Design Proposal)

  3. สรุปแบบและเสนอราคา

  4. ดำเนินงานตกแต่ง/ก่อสร้าง

  5. ส่งมอบงานพร้อมตรวจสอบคุณภาพ

05 ใช้เวลานานแค่ไหนในการตกแต่งภายใน ?

โดยทั่วไประยะเวลาในการออกแบบอยู่ที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และความซับซ้อนของโปรเจกต์ ส่วนการผลิตและติดตั้งอาจใช้เวลาเพิ่มเติมอีก 4-8 สัปดาห์

06 สามารถออกแบบเพียงอย่างเดียว โดยไม่จ้างก่อสร้างได้หรือไม่ ?

ได้ครับ เรามีบริการเฉพาะงานออกแบบ (Interior Design) พร้อมจัดทำแบบแปลน 3D, Mood & Tone, Material Board และรายการวัสดุเพื่อใช้ในการดำเนินการก่อสร้างต่อได้

07 ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุเองได้หรือไม่ ?

ได้แน่นอนครับ! ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุ สี และฟังก์ชันต่างๆ ตามความต้องการ เราจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมในด้านความเหมาะสมและงบประมาณ

เริ่มต้นไอเดียของคุณกับเรา

Living Inhabit ช่วยออกแบบและตกแต่งภายในอย่างมืออาชีพ
ด้วยทีมงานที่เข้าใจทั้งฟังก์ชันและสไตล์ของคุณ

  • ✔ ปรึกษาเบื้องต้นฟรี
  • ✔ ทีมออกแบบมืออาชีพ
  • ✔ ครบทั้งออกแบบและสร้างจริง

กรอกข้อมูลให้เราติดต่อกลับ และเริ่มต้นโปรเจกต์ของคุณได้เลย!

ft2 1 scaled

ภาพตัวอย่างผลงงานออกแบบของเรา