
พื้นไม้เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมาก สำหรับการนำมาใช้ทำวัสดุพื้น ปัจจุบันมีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้เจ้าของบ้านสมัยใหม่เลือกใช้ไม้แต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป บทความนี้จะอธิบายประเภทของวัสดุพื้นไม้ชนิดต่างๆ และสาเหตุ/ปัจจัยในการเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่แตกต่างกัน
พื้นไม้ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันจะมีอยู่ 3 ชนิดได้แก่
- พื้นไม้จริง (Wood Flooring)
- พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Flooring)
- พื้นกระเบื้องยาง (SPC Flooring)
พื้นไม้จริง (Wood Flooring)
วัสดุประเภทพื้นไม้จริง (wood flooring) ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยลวดลายของผิวสัมผัส และคุณค่าของไม้จริงนั้นก็ ยังไม่มีวัสดุทดแทนตัวใดๆมาแทนได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีวัสดุทดแทนไม้ ผลิตออกมาใช้กันมากมายในตลาด บางชนิดมีที่ลวดลายที่มีเสน่ห์ แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้ภายนอกอาคาร หรือ พื้นที่กลางแจ้งได้ เป็นวัสดุที่เหมาะสมเเก่การใช้ภายนอกอาคารโดยเฉพาะ สมัยก่อนบ้านทุกหลัง ไม่ว่าจะเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ ในบ้าน หรือ งานไม้ต่างๆในสวน ก็ล้วนแต่ใช้ไม้จริง

Raw material ลักษณะของพื้นไม้จริง
พื้นไม้ (wood flooring) ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งคนไทยนิยมใช้ไม้มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล เนื่องด้วยไม้ในอดีตเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ปลูกทดแทนได้ ไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำพื้นเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้สัก เป็นต้น สามารถนำมาใช้ได้ทั้งบ้านไม้ และบ้านปูน กรณีเป็นบ้านไม้ใช้วิธีตอกยึดกับคานไม้ แต่ปัจจุบันนิยมสร้างบ้านปูนกันมาก โดยทำการเทพื้นคอนกรีตก่อน จากนั้นปูพื้นไม้ทับไปอีกทีด้วยกาวสำหรับงานปูพื้น เนื้อไม้จะให้ผิวสัมผัสที่สบายเท้า สีสันอบอุ่น ดูหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ปัจจุบันนี้ไม้เริ่มหายากจึงมีราคาที่สูงมาก บ้านที่นิยมนำไม้มาเป็นวัสดุปูพื้นจึงมักเป็นบ้านหรู Luxury หรือบ้านชาวบ้านที่นำไม้ปลูกเองในชุมชนมาใช้งาน ส่วนบ้านทั่วไปนิยมใช้วัสดุทดแทนไม้ หรือไม้เทียมนั่นเอง
คุณลักษณะ ขนาด สีและลาย วัสดุ
ประเภทของไม้ พื้นไม้ (wood flooring)
พื้นไม้ (wood flooring) แบ่งชนิดของไม้ออกเป็น 2 ประเภท คือ ไม้เนื้อแข็ง หรือ Hard wood และไม้เนื้ออ่อน หรือ Soft wood โดยไม้ที่มีใบกว้างเราจะเรียกว่าเป็นไม้เนื้อแข็ง ในขณะที่ไม้ที่มาจากพืชตระกูลสนเราจะเรียกว่า ไม้เนื้ออ่อน ซึ่งในความเป็นจริง ไม้ในกลุ่มหลังนี้ก็มีความแข็งที่สามารถจัดเข้ากลุ่มแรกได้ สำหรับในประเทสไทยได้มีการแยกประเภทไม้ให้ละเอียดยิ่งขึ้นตามลักษณะความแข็ง แรงของไม้ดังนี้
– ไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่มีวงปีกว้างมาก เนื่องจากเป็นไม้โดเร็ว ลำต้นใหญ่ เนื้อค่อนข้างเหนียว แต่ทำงานได้ง่าย เนื้อไม้มีสีจางหรือ ค่อนข้างซีด อาทิ ไม้กระบาก ไม้ยาง ไม้ฉำฉา ไม้เหียง ไม้โมก ไม้กระท้อน ไม้ยมหอม ไม้จำปาป่า ไม้สนต่างประเทศ เหมาะกับงานในที่ร่มหรืองานชั่วคราว งานตกแต่ง และเครื่องมือเครื่องใช้
– ไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้ที่มีวงปีมากกว่าไม้เนื้ออ่อน เพราะมีการเจริญเติบโตช้ากว่า คือต้องมีอายุหลายสิบปี จึงจะนำมาใช้งานได้ ลักษณะทั่วไปของไม้จะมีเนื้อมัน ลายละเอียด เนื้อแน่น สีเข้ม (แดงถึงดำ) มีน้ำหนักมาก แข็งแรงทนทาน เช่น ไม้สัก ไม้ตะแบก ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ เป็นต้น เหมาะสำหรับงาน เฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้างบ้าน และเครื่องมือ
– ไม้เนื้อแกร่ง เป็นไม้ที่มีการเจริยเติบโตช้ามาก จึงทำให้ วงประจำปีถี่มากกว่าไม้สองชนิดแรก คือ ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 60-70 ปีขึ้นไปจึงจะนำมาใช้งานได้ เนื้อไม้มีสีเข้มค่อนข้างแดง น้ำหนักไม่มาก แต่แข็งกว่าไม้เนื้อแข็ง ไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างหรือเป้นโครงสร้าง อาทิ คาน ตง เสา ได้แก่ ไม้แดง ไม้ชิงชัน ไม้ตะเคียน ไม้มะค่าโมง ไม้พยุง ไม้เต็ง
วัสดุประเภทพื้นไม้จริง (wood flooring) ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยลวดลายของผิวสัมผัส และคุณค่าของไม้จริงนั้นก็ ยังไม่มีวัสดุทดแทนตัวใดๆมาแทนได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีวัสดุทดแทนไม้ ผลิตออกมาใช้กันมากมายในตลาด บางชนิดมีที่ลวดลายที่มีเสน่ห์ แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้ภายนอกอาคาร หรือ พื้นที่กลางแจ้งได้ เป็นวัสดุที่เหมาะสมเเก่การใช้ภายนอกอาคารโดยเฉพาะ สมัยก่อนบ้านทุกหลัง ไม่ว่าจะเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ ในบ้าน หรือ งานไม้ต่างๆในสวน ก็ล้วนแต่ใช้ไม้จริง
ปัจจัยหลักที่เจ้าของบ้านตัดสินใจปูพื้นด้วยไม้จริง สาเหตุหลักๆ จะมาจาก
- ไม้จริงให้ความรู้สึก/ผิวสัมผัสที่เป็นไม้และธรรมชาติมากที่สุด, ไร้รอยต่อ(ระหว่างชั้นเลเยอร์), และปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย
- สีและวัสดุเคลือบที่สามารถปรับแต่งตามต้องการได้ การติดตั้งงานไม้จริงสามารถเลือกสรรสีที่ต้องการย้อมได้ตามต้องการ ความเข้ม/อ่อนรวมถึง การลบรอบดำ(ตามธรรมชาติ) ที่เจ้าของบ้านหลายๆท่านไม่ต้องการ และการเลือกวัสดุเคลือบพื้นผิวที่สามารถ custom ระดับความเงา/ด้านของพื้นไม้ได้ (โดยปกติระดับความเงาด้านมีทั้งหมด 3 ระดับ เงา >> กึ่งเงากึ่งด้าน >> ด้าน)
- อายุการใช้งาน โดยทั่วไปพื้นไม้จริงจะมีอายุการใช้งานที่ทนทานที่สุดเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของวัสดุอื่น และหากพื้นเกิดรอยหรือหลุม สามารถรื้อขึ้นมาเพื่อขัดเคลือบทำสีใหม่ได้อีกด้วย
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Flooring)

จะเป็นวัสดุที่ทำมาจากไม้จริง มาประกอบเข้ากับไม้เนื้อแข็ง และส่วนมากจะนำไปเคลือบวัสดุกันยูวี (UV Coating) คือการผสมผสานไม้จริงกับวัสดุทดแทนเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ยังอยากใช้ไม้จริงที่ประหยัดต้นทุน โดยราคาเฉลี่ยจะถูกลงไปถึง 50% เลยทีเดียว
ปัจจัยหลักที่เจ้าของบ้านตัดสินใจปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์
- ได้ความรู้สึก/ผิวสัมผัสไม้จริงเหมือนกัน โดยที่ดูด้วยตาเปล่าก็แยกไม่ออกว่าอันไหนคือไม้เป็นจิเนียร์ อันไหนคือไม้จริง
- ราคาที่ถูกกว่าพื้นไม้จริงกว่า 50% ในส่วนนี้ให้เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ที่ยังนิยมในวัสดุไม้และอยากได้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ ตัดสินใจติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
- สีสันที่มีความหลากหลาย แม้ว่าพื้นไม้จริงจะสามารถทำสีสันได้หลากหลายแต่โดยทั่วไปแล้วการเลือกใช้ไม้จริง เจ้าของบ้านส่วนใหญ่จะเลือกใช้สีธรรมชาติ(เพื่อโชว์ลายไม้) ในขณะที่การเลือกใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีราคาถูกกว่า ทำให้ลูกค้าหลายๆท่านกล้าทดลอง/ ปรับเปลี่ยนสีที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
คุณสมบัติพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จะมีความคล้ายคลึงกับพื้นไม้จริงแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสี, ผิวสัมผัส,และ กลิ่นไม้ธรรมชาติ แต่จะแตกต่างเรื่องของอายุการใช้งาน เนื่องจากเป็นไม้ที่ถูกนำมาผ่านกระบวนการประกอบชั้นเลเยอร์หลายๆชั้น ทำให้เมื่อเจอกับสภาวะความชื้น หรือโดนน้ำมีโอกาสสูงที่จะหดบวมและไม่คืนสภาพเดิม จะทำให้เกิดเสียงเวลาเดินนั่นเอง โดยเสียงที่เกิดขึ้นจะสร้างความน่าหงุดหงิดใจได้ ทำให้เมื่อเกิดเสียงดังเจ้าของบ้านส่วนใหญ่จะเลือกเปลี่ยนพื้นใหม่อีกรอบ (เฉลี่ยอายุการใช้งานก่อนเกิดเสียงดังประมาณ 5-10 ปี)
พื้นกระเบื้องยาง (SPC Flooring)

เป็นวัสดุแขนงใหม่ โดยไอเดียจะทำมาเพื่อทดแทนพื้นไม้ลามิเนต (Laminate Flooring) จะเป็นวัสดุที่ถูกทำขึ้นมาจากหินปูนผสมกับพลาสติก นำมาขึ้นรูปเป็นแผ่นพื้นชนิดแข็ง (ม้วน,งอ ไม่ได้) มีคุณสมบัติกันปลวก, ทนชื้น, ไม่ลามไฟ, และที่สำคัญที่สุดคือราคาเริ่มต้นค่อนข้างถูก ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทำให้กระเบื้องยางSPC จะได้รับความนิยมอย่างช่วง 5 – 10 ปีต่อจากนี้
ปัจจัยหลักที่เจ้าของบ้านตัดสินใจปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง ลายไม้ ลายหิน SPC
- ราคาสบายกระเป๋า อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ เป็นราคาที่โดนใจเจ้าของบ้านหลายๆท่านเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเป็นบรรกาศของห้องให้สวยงามได้ในราคาที่แสนถูก
- คุณสมบัติมากมายที่เข้ามาตอบโจทย์ อย่างที่ทราบกันดีการติดตั้งพื้นไม้จะมีข้อควรระวังในเรื่องของความชื้นมากที่สุดยิ่งถ้าเป็นพื้นไม้ลามิเนต หรือพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ถ้าโดนความชื้นสะสมมีโอกาสที่พื้นจะบวมหดและไม่คืนสภาพเดิมสูง ในขณะที่ กระเบื้องยาง ลายไม้ SPC จะมีคุณสมบัติการทนชื้น/กันปลวก นี้ช่วยให้เจ้าของบ้านมีความสะดวกสบาย รวมถึงการดูแลรักษาที่ไม่ปวดหัวอีกด้วย
- อายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยปกติแล้วกระเบื้องยาง ลายไม้ SPC จะมีอายยุการใช้งานยาวนานร่วม 10-15 ปีเลยทีเดียว นอกจากราคาจะถูกจับต้องได้ง่ายแล้ว อายุการใช้งานที่ยาวนานมากๆ ทำให้ช่วงหลังวัสดุ SPC มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆในใจของเจ้าของบ้านหลายๆท่าน
แม้ว่าคุณสมบัติที่ค่อนข้างครบเครื่องในวัสดุพื้น SPC แต่ก็ยังไม่จุดด้อยบ้างเช่น ไม้สามารถอยู่ในสภาวะที่น้ำท่วมขังได้ หรือ หากติดตั้งในพื้นห้องที่อับชื้นและโดยแสงแดดโดยตรงก็มีโอกาสที่จะทำให้พื้นขยายตัวและเบียดกันจนเกิดความเสียหายได้ เช่นกัน
สามารถรับชมผลงานของเราได้ที่ : https://living-inhabit.com/
Facebook : https://www.facebook.com/Living.Inhabit
E-mail : info@living-inhabit.com
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
modawoods.com
wazzadu.com